อาหารสำหรับ ปลาทอง
อาหารสำหรับ ปลาทอง มีหลากหลายชนิดดังต่อไปนี้
1. อาหารตามธรรมชาติ ปลาทอง เป็นปลาที่กินอาหารได้ทั้งสัตว์และพืช แต่ ปลาทอง จะชอบทาน สิ่งมีชีวิต ประเภท ลูกน้ำและ ไรแดง มากเป็นพิเศษ ซึ่งให้โปรตีนสูง เหมาะกับการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ ปลาทอง ในปัจจุบันหนอนแมลงวัน ก็เป็นอาหารอีกชนิดที่นิยมนำมาเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงปลาทอง
ข้อดีของอาหารที่มีชีวิต
- ปลาทอง จะมีเอนไซม์ช่วยย่อย ทำให้ปลาทองสามารถย่อยและทานได้ตลอดเวลา
- อาหารที่มีชีวิตมี กรดอะมิโนที่สำคัญ และจำเป็น ช่วยให้ปลาทองเจริญเติบโตได้ดี
- มีสารสีต่าง ๆ แบบธรรมชาติ ช่วยในการป้องกันและสร้างภูมิต้านทานโรคซึ่งปลาทอง ผลิตไม่ได้เองตามธรรมชาติ
- มีราคาถูกกว่า อาหารปลาทอง เม็ดสำเร็จรูป
อาหารปลาทองสำเร็จรูป ได้แก่ อาหารเม็ด ที่มีขนาดเล็กเป็นอาหารที่เหมาะกับ ปลาทอง
การเลือกอาหารเม็ด ควรเลือกอาหารที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนสูงซึ่งทำให้ปลาทองเติบโตได้ดีและมีสีสันสวยงามโดยทั่วไป
โดยส่วนประกอบของอาหารปลาทองสำเร็จรูปควรมี โปรตีน ประมาณ 40 - 50 เปอร์เซ็นต์
ข้อดีของอาหารปลาทองสำเร็จรูป
- สะดวก สบาย และ ไม่ยุ่งยากในการจัดเตรียมอาหารให้ปลาทอง
- อาหารสำเร็จรูป บางชนิด มีการเสริมสารเร่งสี ทำให้ปลาทองมีสีสันสวยสด งดงาม
- มีปริมาณ สารอาหารที่แน่นอน สามารถควบคุมการกินของปลาทอง ได้ง่าย
การให้อาหารปลาทอง นั้นควรคำนึงถึง ปริมาณอาหารที่ให้ โดยปริมาณ อาหารที่ให้ ควรให้วันละ 3 -5 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักปลาทอง การให้อาหาร โดยเฉพาะอาหารปลาทองชนิดเม็ดสำเร็จรูป ควรให้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไปนัก โดยควรให้ปลาทอง ทานให้หมดภายใน 15 นาที ไม่เช่นนั้น น้ำในตู้ปลาทองอาจจะ เกิดการเน่าเสียได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้เกิดโรคแก่ปลาทอง โดยอาจจะแบ่งให้อาหารปลาทองวันละหลายรอบก็ได้
ปลาทอง เป็นปลาน้ำจีดที่ เป็นที่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามมาตั้งแต่ 2000 ปีก่อน การเลี้ยง ปลาทอง นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด ปลาทอง มีต้นกำเนิดในประเทศจีน ปลาทอง มีหลากหลายพันธุ์ และมีความสวยงามแตกต่างกัน
วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553
เมื่อ ปลาทอง ถึงบ้าน
การนำน้อง ปลาทอง เข้าบ้าน
หลังจากที่เราได้เลือกน้อง ปลาทอง แสนน่ารัก และ สมบูรณ์ แข็งแรงแล้ว การนำปลาทองมาใส่ตู้นั้นก็ยังมีขั้นตอนเล็กน้อย ที่จะลืมไม่ได้ ก็คือขั้นตอนการนำ ปลาทอง เข้าตู้ สำหรับมือใหม่ถอดด้าม ที่ยังไม่เคยเลี้ยงปลามาก่อน อย่าเพิ่งใจร้อนเติมน้ำตู้ปลา และเทปลาทองลงตู้ ในทันที เราจำเป็นที่จะต้องให้น้องปลาทอง ได้ปรับตัวเสียก่อน และน้ำที่มาใส่ตู้ปลานั้น ถ้าเป็นน้ำปะปา จำเป็นที่จะต้องพักน้ำก่อน อย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้คลอรีนที่เป็นอันตรายกับน้อยปลาทอง ระเหยออกไปก่อน หรือ ถ้าเป็นน้ำบาดาลที่มีปริมาณคาร์บอนไดออกไซต์ละลายอยู่ในน้ำในปริมาณสูง ก็เป็นอันตรายต้องน้อง ปลาทอง เช่นกัน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องพักน้ำเช่นเดียวกัน
หลังจากการพักน้ำแล้ว สภาพน้ำที่แตกต่างระหว่างน้ำในตู้ปลา และ น้ำจากถุงที่เรานำปลาทองมา นั้นมีสภาพที่ต่างกัน เราจำเป็นต้องให้น้องปลาทอง ปรับตัวก่อนโดนการที่เราน้ำถุงใส่ปลาทองไปใส่ในตู้ปลา หรืออาจจะนำปลาทองถ่ายใส่ถังเล็กๆก่อนก็ได้ โดยใช้เวลาประมาณ ประมาณ 15 - 20 นาที เพื่อให้อุณหภูมิในตู้ปลา และ ถุงที่ใส่ปลาทองมีอุณหภูมิเท่ากัน จากนั้นเราเอาน้ำปางส่วนจากในตู้มาผสมกันน้ำในถุง และ นำน้ำจากในถุงปลาทองบางส่วนแบ่งไปใส่ในตู้เช่นกัน
ส่วนสำหรับผู้ที่มีปลาทองอยู่เดิมแล้ว อาจจะเห็นว่าเป็นวิธิพื้นๆที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะตอนที่ต้องทำความสะอาดตู้ปลาทอง แต่การนำปลาทองใหม่เข้ามาอยู่กับน้องปลาทองเดิมนั้นมีขั้นตอนที่มากกว่านั้น นั้นคือ เราจำเป็นที่จะน้องนำน้องปลาทองที่ได้มาใหม่นั้น เลี้ยงแยกดูอาการไว้ก่อน เพราะน้องปลาทองที่ได้มาใหม่อาจจะมีโรคร้ายติดมาก็เป็นได้ โดยปกติแล้ว เราอาจจะเลี้ยงแยกดูอาการไว้ก่อนสัก 3-7 วัน ก่อนที่นำปลาทองที่ได้มาใหม่ปล่อยรวมเข้าไปในตู้ ซึ่งจะเป็นการปลอดภัยสำหรับน้องปลาทองของเราเอง
หลังจากที่เราได้เลือกน้อง ปลาทอง แสนน่ารัก และ สมบูรณ์ แข็งแรงแล้ว การนำปลาทองมาใส่ตู้นั้นก็ยังมีขั้นตอนเล็กน้อย ที่จะลืมไม่ได้ ก็คือขั้นตอนการนำ ปลาทอง เข้าตู้ สำหรับมือใหม่ถอดด้าม ที่ยังไม่เคยเลี้ยงปลามาก่อน อย่าเพิ่งใจร้อนเติมน้ำตู้ปลา และเทปลาทองลงตู้ ในทันที เราจำเป็นที่จะต้องให้น้องปลาทอง ได้ปรับตัวเสียก่อน และน้ำที่มาใส่ตู้ปลานั้น ถ้าเป็นน้ำปะปา จำเป็นที่จะต้องพักน้ำก่อน อย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้คลอรีนที่เป็นอันตรายกับน้อยปลาทอง ระเหยออกไปก่อน หรือ ถ้าเป็นน้ำบาดาลที่มีปริมาณคาร์บอนไดออกไซต์ละลายอยู่ในน้ำในปริมาณสูง ก็เป็นอันตรายต้องน้อง ปลาทอง เช่นกัน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องพักน้ำเช่นเดียวกัน
หลังจากการพักน้ำแล้ว สภาพน้ำที่แตกต่างระหว่างน้ำในตู้ปลา และ น้ำจากถุงที่เรานำปลาทองมา นั้นมีสภาพที่ต่างกัน เราจำเป็นต้องให้น้องปลาทอง ปรับตัวก่อนโดนการที่เราน้ำถุงใส่ปลาทองไปใส่ในตู้ปลา หรืออาจจะนำปลาทองถ่ายใส่ถังเล็กๆก่อนก็ได้ โดยใช้เวลาประมาณ ประมาณ 15 - 20 นาที เพื่อให้อุณหภูมิในตู้ปลา และ ถุงที่ใส่ปลาทองมีอุณหภูมิเท่ากัน จากนั้นเราเอาน้ำปางส่วนจากในตู้มาผสมกันน้ำในถุง และ นำน้ำจากในถุงปลาทองบางส่วนแบ่งไปใส่ในตู้เช่นกัน
ส่วนสำหรับผู้ที่มีปลาทองอยู่เดิมแล้ว อาจจะเห็นว่าเป็นวิธิพื้นๆที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะตอนที่ต้องทำความสะอาดตู้ปลาทอง แต่การนำปลาทองใหม่เข้ามาอยู่กับน้องปลาทองเดิมนั้นมีขั้นตอนที่มากกว่านั้น นั้นคือ เราจำเป็นที่จะน้องนำน้องปลาทองที่ได้มาใหม่นั้น เลี้ยงแยกดูอาการไว้ก่อน เพราะน้องปลาทองที่ได้มาใหม่อาจจะมีโรคร้ายติดมาก็เป็นได้ โดยปกติแล้ว เราอาจจะเลี้ยงแยกดูอาการไว้ก่อนสัก 3-7 วัน ก่อนที่นำปลาทองที่ได้มาใหม่ปล่อยรวมเข้าไปในตู้ ซึ่งจะเป็นการปลอดภัยสำหรับน้องปลาทองของเราเอง
วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553
ปลาทอง กับ ฮวงจุ้ย
ปลาทอง เป็นสัตว์น้ำที่คนจีน นิยมเลี้ยงกันมายาวนาน หนึ่งในเหตุผลของการเลี้ยงปลาทอง คือ การเสริมดวงชะตา ด้วยศาสตร์ฮวงจุ้ย
โดยพื้นฐานแล้ว ศาสตร์ ฮวงจุ้ย ก็คือ ลม กับ น้ำ ตามชื่อ (ฮวง คือ ลม จุ้ย คือ น้ำ) การเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือ การทีบ่อน้ำบ่อปลา หรือ ตู้ปลาทอง ก็คือ จุ้ย นั้นเอง ตามหลักฮวงจุ้ยพี้นฐาน น้ำ ควรที่จะอยู่ทางด้านซ้ายของตัวบ้าน เมื่อหันออกนอกบ้าน (เรียกเป็นภาษาฮวงจุ้ยว่าทางด้านมังกร) ซึ่งอันนี้ก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ตู้ปลาทองควรต้องอยู่ในสภาพที่สะอาด น้ำไม่ดำหรือสกปรก เพราะนอกจากจะเป็นอัปมงคลแล้ว ยังทำให้น้องปลาทอง สุดรักของเรามีสุขภาพที่ไม่ดีได้อีกด้วย
การวางตู้ปลาตามหลักฮวงจุ้ย นั้นมีหลักการมากมาย ไม่ว่าจะต้องดูยุคบ้าน หรือ ดูตำแหน่งดาวที่เป็นมงคล รวมถึงตำแหน่งที่ดี ในแต่ละทิศของบ้านตัวบ้าน หรือ บางสำนักอาจจะดูถึงตำแหน่งที่เป็นมงคลของผู้เลี้ยงตามจักรราศีอีกด้วย นอกจากนี้ จำนวนปลาทองที่เลี้ยง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ผู้ที่ต้องการเลี้ยงปลาทอง เพื่อเสริมฮวงจุ้ยให้ความสำคัญเช่นกัน แต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในก็คือ การเลี้ยงปลาทอง 8 หรือ 9 ตัวนั้นเอง โดย เลข 8 เป็นเลขมงคลของจีน ซึ่งหมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวย ไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนเลข 9 ก็ถือว่าเป็นเลขที่มีกำลังมากที่สุด และ ยังเป็นเลขมงคลของไทยอีกด้วย ส่วนเลข 6 ก็เป็นเลขที่เป็นมงคลอีกเลขหนึ่งของจีน แต่ทางไทยแล้วนั้นไม่ค่อยดีนัก
ไม่ว่าจะเลี้ยงปลาทองกี่ตัว หรือ เลี้ยงเพื่อหวังผลทางฮวงจุ้ยหรือไม่ก็ตาม ยังไงก็ควรเลี้ยงปลาทองด้วยความรัก และ ดูแลเอาใจใส่ปลาที่เราเลี้ยงให้เป็นอย่างดี รวมถึงดูแลความสะอาดของตู้และบ่อปลาทองให้สะอาดอยู่เสมอ ถ้าเกิดตู้ปลาสกปรก แทนที่จะเสริมความเป็นมงคล อาจจะเสริมอัปมงคลแทนก็เป็นได้ แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน
โดยพื้นฐานแล้ว ศาสตร์ ฮวงจุ้ย ก็คือ ลม กับ น้ำ ตามชื่อ (ฮวง คือ ลม จุ้ย คือ น้ำ) การเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือ การทีบ่อน้ำบ่อปลา หรือ ตู้ปลาทอง ก็คือ จุ้ย นั้นเอง ตามหลักฮวงจุ้ยพี้นฐาน น้ำ ควรที่จะอยู่ทางด้านซ้ายของตัวบ้าน เมื่อหันออกนอกบ้าน (เรียกเป็นภาษาฮวงจุ้ยว่าทางด้านมังกร) ซึ่งอันนี้ก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ตู้ปลาทองควรต้องอยู่ในสภาพที่สะอาด น้ำไม่ดำหรือสกปรก เพราะนอกจากจะเป็นอัปมงคลแล้ว ยังทำให้น้องปลาทอง สุดรักของเรามีสุขภาพที่ไม่ดีได้อีกด้วย
การวางตู้ปลาตามหลักฮวงจุ้ย นั้นมีหลักการมากมาย ไม่ว่าจะต้องดูยุคบ้าน หรือ ดูตำแหน่งดาวที่เป็นมงคล รวมถึงตำแหน่งที่ดี ในแต่ละทิศของบ้านตัวบ้าน หรือ บางสำนักอาจจะดูถึงตำแหน่งที่เป็นมงคลของผู้เลี้ยงตามจักรราศีอีกด้วย นอกจากนี้ จำนวนปลาทองที่เลี้ยง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ผู้ที่ต้องการเลี้ยงปลาทอง เพื่อเสริมฮวงจุ้ยให้ความสำคัญเช่นกัน แต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในก็คือ การเลี้ยงปลาทอง 8 หรือ 9 ตัวนั้นเอง โดย เลข 8 เป็นเลขมงคลของจีน ซึ่งหมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวย ไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนเลข 9 ก็ถือว่าเป็นเลขที่มีกำลังมากที่สุด และ ยังเป็นเลขมงคลของไทยอีกด้วย ส่วนเลข 6 ก็เป็นเลขที่เป็นมงคลอีกเลขหนึ่งของจีน แต่ทางไทยแล้วนั้นไม่ค่อยดีนัก
ไม่ว่าจะเลี้ยงปลาทองกี่ตัว หรือ เลี้ยงเพื่อหวังผลทางฮวงจุ้ยหรือไม่ก็ตาม ยังไงก็ควรเลี้ยงปลาทองด้วยความรัก และ ดูแลเอาใจใส่ปลาที่เราเลี้ยงให้เป็นอย่างดี รวมถึงดูแลความสะอาดของตู้และบ่อปลาทองให้สะอาดอยู่เสมอ ถ้าเกิดตู้ปลาสกปรก แทนที่จะเสริมความเป็นมงคล อาจจะเสริมอัปมงคลแทนก็เป็นได้ แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)